นวัตกรรมโครงหลังคาสำเร็จรูปมาตรฐานของหลังคาบ้านในยุคใหม่

หัวข้อที่น่าสนใจ

หลังคาบ้านแข็งแรง ทนทาน ไร้สนิมด้วยโครงหลังคาสำเร็จรูป
โครงหลังคาเป็นหนึ่งในโครงสร้างที่สำคัญของบ้านเพราะต้องแบกรับน้ำหนักของกระเบื้องหลังคา และรับแรงกระแทกจากลมและป้องกันน้ำฝน แต่หากโครงหลังคาไม่มีคุณภาพอาจก่อปัญหาตั้งแต่การรั่วซึมไปจนถึงการพังทลายลงมาซึ่งทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ที่อยู่อาศัยได้ โครงหลังคาจึงต้องทำจากวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน และมีการออกแบบที่ถูกต้องตามหลักวิศวกรรม เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกปลอดภัยมากที่สุด ในปัจจุบันวงการการก่อสร้าง ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีโครงหลังคาให้มีคุณสมบัติที่ดีที่ตอบโจทย์การใช้งานให้ครอบคลุมมากที่สุด จึงเกิดเป็นโครงหลังคาสำเร็จรูป นวัตกรรมใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

โครงหลังคาสำเร็จรูปความแข็งแรง และความรวดเร็วของการก่อสร้าง
โครงหลังคาสำเร็จรูป ผลิตจากเหล็กกล้ากำลังสูง ที่เกิดจากกรรมวิธีนำเหล็กรีดเย็นและขึ้นรูปเย็นจึงมีน้ำหนักที่เบา มีความแข็งแรง ทนทาน และเพิ่มความแข็งแรงของเหล็กด้วยการเคลือบพื้นผิวเหล็กด้วยกัลวาไนซ์ หรือสารเคลือบโลหะชนิดอื่น ๆ เช่น อลูมิเนียม, แมกนีเซียมเพื่อป้องกันการเกิดสนิมทำให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากขึ้น การออกแบบโครงหลังคาสำเร็จรูปต้องออกแบบให้ถูกต้องตามหลักวิศกรรม มีการคำนวณหน้าตัด ขนาด และระยะตามน้ำหนักกระเบื้อง แรงลม ความสูง และรูปแบบของหลังคา เพื่อให้ได้ขนาดของชิ้นส่วนแต่ละชิ้นของโครงหลังคาสำเร็จรูปอย่างถูกต้องเพื่อความปลอดภัยในการนำไปใช้งาน ดังนั้นผู้ออกแบบหลังคาสำเร็จรูปจึงต้องมีความเชี่ยวชาญรวมไปถึงช่างที่มาติดตั้งเพราะต้องสามารถติดตั้งตามแบบที่กำหนดไว้ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ นอกจากนั้นยังสามารถสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมของบ้าน เช่น บ้านที่อยู่ในพื้นที่ที่อยู่ใกล้ทะเลหรือบริเวณที่มีกรดเกลือสูง เป็นต้น

โครงหลังคาสำเร็จรูปเป็นการออกแบบหลังคาให้เป็นไปตามแบบที่ต้องการโดยยึดหลักการออกแบบตามหลักวิศวกรรม แล้วจึงนำเหล็กมาตัดให้ได้ตามขนาดตามที่ออกแบบไว้ที่โรงงาน หลังจากนั้นจึงนำไปประกอบและติดตั้งที่ไซต์ก่อสร้าง จึงทำให้การก่อสร้างมีความรวดเร็วในการทำงาน เพราะมีการกำหนดชิ้นส่วนและรูปแบบการติดตั้งไว้ล่วงหน้า อีกทั้งโครงหลังคาสำเร็จรูปมีน้ำหนักเพียง 6 กิโลกรัมต่อตารางเมตร ถือได้ว่ามีน้ำหนักที่เบาเมื่อเทียบกับโครงหลังคาชนิดอื่นจึงสะดวกในการขนย้าย การติดตั้งโครงหลังคาสำเร็จรูปจะใช้ตะปูเกลียวเคลือบกัลวาไนซ์ในการยึดติดแต่ส่วนของชิ้นส่วนแต่ละชิ้นจึงไม่มีปัญหาการเกิดสนิม ด้วยการติดตั้งที่ไม่ได้มีขั้นตอนซับซ้อนทำให้ใช้จำนวนช่างก่อสร้างน้อย อีกทั้งลักษณะการติดตั้งแบบโครงหลังคาสำเร็จรูปเป็นการติดตั้งที่มีการคำนวนไว้เรียบร้อยแล้วจึงไม่มีเศษเหลือทิ้งไว้ เป็นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์อย่างสูงสุด

โครงหลังคาสำเร็จรูปถึงแม้จะเป็นโครงหลังคาที่มีการออกแบบไว้ล่วงหน้าก่อนการติดตั้ง แต่แบบทรงหลังคาที่สามารถใช้กับโครงหลังคาสำเร็จรูปก็ไม่ได้หลากหลาย เพราะโครงหลังคาสำเร็จรูปเกิดจากการประกอบจากชิ้นส่วนเหล็กกัลวาไนซ์หลายท่อน ๆ จึงไม่สามารถทำระยะยื่นชายคาได้มากนักทำให้มีข้อจำกัดเรื่องรูปทรงของหลังคา ส่วนใหญ่สามารถออกแบบได้แค่ทรงหลังคารูปแบบทั่วไป เช่น หลังคาทรงจั่ว, ทรงปั้นหยา นอกจากนั้นโครงหลังคาสำเร็จรูปมีราคาแพงตามคุณภาพของเหล็กและความเชี่ยวชาญของผู้ออกแบบและผู้ติดตั้ง และยังต้องใช้บริการผู้ผลิตได้เฉพาะรายเท่านั้นอีกด้วย

โครงหลังคาสำเร็จรูป และโครงหลังคาเหล็ก แบบไหนที่ใช่สำหรับบ้านคุณ
โครงหลังคาสำเร็จรูปเป็นโครงหลังคาที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันเพราะมีความรวดเร็วและมีมาตรฐานในการก่อสร้าง ก่อนที่จะมีโครงหลังคาสำเร็จรูปช่างก่อสร้างหลังคาจะใช้โครงหลังคาเหล็กในการก่อสร้างหลังคา ซึ่งในปัจจุบันก็ยังเป็นวิธีที่นิยมเพราะมีราคาที่ถูกกว่าโครงหลังคาสำเร็จรูป โครงหลังคาเหล็กเป็นโครงหลังคาที่ใช้เหล็กรูปพรรณ เหล็กกล่อง, และเหล็กรูปตัวซีนำมาติดตั้งที่ไซต์ก่อสร้าง โดยมีการตัดขนาดหรือรูปแบบตามที่วิศกรได้ออกแบบไว้ ซึ่งเหล็กที่เหมาะสมนำมาใช้ในการทำโครงหลังคาควรเป็นเหล็กเต็มซึ่งเป็นเหล็กใหม่ที่ไม่ได้ผ่านการรีไซเคิล และควรเป็นเหล็กที่มีมาตรฐานโดยสามารถสังเกตุได้ที่สัญลักษณ์ เช่น มอก, ASTM, BSI, JIS แต่ในบางครั้งช่างก่อสร้างก็มีการนำเหล็กที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิลมาใช้งานซึ่งเรียกว่าเหล็กเบา เพราะมีราคาถูกกว่าแต่ประสิทธิภาพก็ด้อยกว่าเช่นกัน

ขั้นตอนในการติดตั้งของโครงหลังคาเหล็กจะมีใช้ช่างก่อสร้างหลายคน มีเครื่องมือและอุปกรณ์ที่เยอะกว่าการติดตั้งแบบโครงหลังคาสำเร็จรูป โดยก่อนการติดตั้งต้องทำการทาสีสนิมให้ทั่วทุกด้านของผิวเหล็กแล้วค่อยนำมาติดตั้งขึ้นเป็นโครงหลังคาตามแบบที่วิศวกรออกแบบไว้โดยใช้การเชื่อมเหล็ก หลังจากนั้นจึงทาสีกันสนิมอีกครั้งบริเวณรอยเชื่อมเพราะป้องกันการเกิดสนิมบริเวณที่เชื่อม จึงทำให้การติดตั้งโครงหลังคาเหล็กจะใช้เวลานานเมื่อเทียบกับโครงหลังคาสำเร็จรูป นอกจากนั้นมาตรฐานของเหล็กที่นำมาใช้งานและการติดตั้งต้องขึ้นอยู่กับช่างก่อสร้างหลังคาจึงอาจก่อให้เกิดมาตรฐานหลังคาไม่สม่ำเสมอกันได้ แต่โครงหลังคาแบบเหล็กมีความยืดหยุ่นในการก่อสร้างหากมีการปรับเปลี่ยนที่หน้างาน และทรงหลังคาสามารถทำได้หลากหลายรูปแบบมากกว่าโครงหลังคาสำเร็จรูป

การเลือกใช้โครงหลังคาที่ใช่ในการก่อสร้างหลังคาจึงขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของบ้าน แบบบ้าน และงบประมาณ มีผลต่อการตัดสินใจว่าต้องการเลือกใช้โครงหลังคาแบบไหน หากต้องการความยืดหยุ่นของการก่อสร้างและต้องการหลังคาบ้านที่มีแบบแตกต่างออกไปในงบประมาณที่จำกัด ก็ควรเลือกใช้โครงหลังคาเหล็ก แต่ควรเลือกช่างก่อสร้างหลังคาที่มีประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญ และมีความหน้าเชื่อถือเพื่อให้ได้โครงหลังคาที่มีมาตรฐานไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง แต่หากต้องการความแข็งแรง มีมาตรฐาน และใช้เวลาน้อยในการก่อสร้าง ก็ควรเลือกใช้โครงหลังคาสำเร็จรูปจึงจะสามารถตอบโจทย์ในการใช้งานได้ และยังมั่นใจได้ว่าได้รับโครงหลังคาที่มีมาตรฐานอย่างแน่นอน

ยกระดับโครงหลังคาสำเร็จรูป จาก M-Truss
โครงหลังคาสำเร็จรูป M-Truss ผลิตจากเหล็กกล้า HI-Tensile Steel(G550) ซึ่งมีค่า Yield Strength ไม่ตํ่ากว่า 5,500 ksc.ซึ่งสูงกว่าเหล็กโครงสร้างโดยทั่วไปที่มี Yield Strength = 2,400 ksc. เหล็กกล้า HI-Tensile Steel(G550) เป็นเหล็กกล้าที่เคลือบกัลวาไนซ์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดสนิมทำให้เหล็กกล้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนานมากยิ่งขึ้น และด้วยขั้นตอนการผลิตที่เข้มงวดในการควบคุมส่วนผสมทางเคมีเพื่อให้โครงสร้างสำเร็จรูปที่มีกำลังแรงดึงที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพความแข็งแรงและการรับน้ำหนักให้มีมากยิ่งขึ้น โครงหลังคาสำเร็จรูป M-Truss การันตีคุณภาพด้วยมาตรฐานการผลิต ISO และทุกชิ้นส่วนได้รับการออกแบบจากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีการคำนวนผ่านวิศกรผู้เชี่ยวชาญ จึงมั่นใจได้ว่าโครงหลังคาสำเร็จรูปทุกชิ้นถูกต้องตามหลักวิศกรรมอย่างแน่นอน ด้วยความพิถีพิถันในการออกแบบและการผลิตส่งผลให้โครงหลังคาสำเร็จรูป M-Truss มีความแข็งแรง และทนทาน แต่มีน้ำหนักที่เบาจึงสะดวกในการขนย้ายและรวดเร็วในการติดตั้งเพียงแค่ใช้สกรูและสว่านไฟฟ้าเท่านั้นเมื่อเทียบกับการติดตั้งแบบโครงหลังคาเหล็ก

10 บทความล่าสุด