มาทำความรู้จักกับโครงสร้างแบบถัก (Truss) ของโครงหลังคาสำเร็จรูป เหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง

หัวข้อที่น่าสนใจ

โครงสร้างแบบถักของโครงหลังคาสำเร็จรูปมีกี่ประเภท และมีลักษณะอย่างไร

ปัจจุบันนี้เพื่อความสะดวกรวดเร็วในงานก่อสร้าง จึงได้มีการนำโครงหลังคาสำเร็จรูปเข้ามาใช้แทนโครงหลังคาเหล็กกันมากขึ้น เพราะโครงหลังคาสำเร็จรูปมีน้ำหนักเบา ทำให้โครงสร้างของบ้านหรืออาคารไม่ต้องแบกรับน้ำหนักมากเกินไป อีกทั้งโครงหลังคาสำเร็จรูปยังเป็นเหล็กชุบกัลวาไนซ์ ทำให้แข็งแรงทนทาน ไม่เป็นสนิม และใช้สกรูเกลียวในการยึดโครงสร้างแต่ละส่วนเข้าไว้ด้วยกัน โดยไม่ต้องใช้การเชื่อมแบบโครงหลังคาเหล็กซึ่งอาจมีจุดที่ช่างทำการเชื่อมต่อไม่ดีและเสี่ยงที่จะเป็นสนิม นอกจากนี้โครงหลังคาสำเร็จรูปยังเป็นโครงหลังคาที่ทำสำเร็จมาจากโรงงาน จึงช่วยลดขั้นตอนยุ่งยากในการตัดพับเหล็กเพื่อทำชิ้นส่วนโครงหลังคา และลดขั้นตอนการประกอบชิ้นส่วนโครงหลังคาที่หน้างาน

โดยโครงหลังคาสำเร็จรูปนั้น เป็นโครงหลังคาที่ใช้โครงสร้างแบบถักหรือโครงข้อหมุน (Truss) ซึ่งเป็นการนำชิ้นส่วนวัสดุโลหะมาเชื่อมต่อกันเป็นรูปเรขาคณิต โดยลักษณะพื้นฐานของโครงถักคือชิ้นส่วนที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกันจะเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม ซึ่งผ่านการคำนวณด้านวิศวกรรมมาแล้วว่าแต่ละชิ้นส่วนที่เชื่อมต่อกัน สามารถถ่ายแรงเฉือน แรงตามแนวแกน และโมเมนต์ดัดให้แก่กันและกันได้ เพราะโครงหลังคาสำเร็จรูปเป็นสิ่งที่ต้องรองรับน้ำหนักของกระเบื้องมุงหลังคาหรือวัสดุมุงหลังอื่น ๆ และในบางสถานที่ โครงหลังคายังต้องแบกรับน้ำหนักของแผงไฟสปอร์ตไลท์, แผงโซลาร์เซลล์ หรือหัวพ่นหมอกในโรงงานอีกด้วย ดังนั้นโครงหลังคาสำเร็จรูปจึงจำเป็นต้องมีโครงสร้างที่แข็งแรงและมั่นคง ซึ่งโครงสร้างของโครงหลังคาแบบถักที่นำมาใช้ผลิตโครงหลังคาสำเร็จรูปนั้น ประกอบด้วย

  • จันทัน (Upper Chord)
  • ขื่อ (Lower Chord)
  • ค้ำยันแนวเอียง (Diagonal Web)
  • ค้ำยันแนวดิ่ง (Vertical Web)

และโครงถักยังสามารถแบ่งออกได้เป็นโครงถักแบบโครงหลังคา, โครงถักแบบโครงสะพาน และโครงถักแบบโค้งประทุน ซึ่งหากรวมลักษณะของโครงหลังคาทั้งหมดเข้าด้วยกัน จะมีโครงหลังคาทั้งหมดถึง 22 แบบ แต่แบบที่นิยมใช้ในการทำโครงหลังคาสำเร็จรูป มีดังนี้

โครงหลังคาสำเร็จรูปชนิดโครงถักแบบโฮว์ (Howe Truss)

โครงหลังคาสำเร็จรูปชนิดโครงหลังคาแบบโฮว์ จันทันทั้งสองข้างของโครงหลังคาจะเอียงทำมุมเป็นหน้าจั่วในองศาที่เท่า ๆ กัน และขื่อจะวางเป็นแนวราบ โดยมีท่อนค้ำยันแนวดิ่งตั้งทำมุม 90 องศาเชื่อมต่อในระยะห่างที่เท่า ๆ กัน และมีท่อนค้ำยันแนวแทยง เอียงทำมุม 45 องศาเข้าหาปลายด้านบนและด้านล่างของท่อนค้ำยันแนวดิ่ง โครงหลังคาสำเร็จรูปชนิดโครงถักแบบโฮว์ เหมาะจะนำไปใช้เป็นโครงหลังคาบ้านพักอาศัย โดยมีชิ้นส่วนแปวางทับด้านบนของจันทันแต่ละส่วน ตามแนวยาวอีกที

โครงหลังคาสำเร็จรูปชนิดโครงถักแบบโฮว์ยกระดับ (Howe Pitch)

โครงหลังคาสำเร็จรูปชนิดนี้ จันทันจะยังคงมีลักษณะเป็นหน้าจั่ว แต่ปลายทั้งสองด้านจะถูกยกขึ้นด้วยค้ำยันแนวดิ่ง และจันทันจะไม่เชื่อมต่อกับขื่อโดยตรง แต่จะเป็นค้ำยันแนวดิ่งที่เชื่อมต่อชิ้นส่วนจันทันกับขื่อเข้าไว้ด้วยกัน โดยยังมีค้ำยันแนวดิ่งและค้ำยันแนวแทยงเชื่อมต่อขื่อกับจันทันในระยะที่เท่า ๆ กันไปตลอดความยาวของขื่อ โครงหลังคาสำเร็จรูปที่ใช้โครงถักแบบนี้ เหมาะกับการใช้ทำเป็นโครงสร้างหลังคาโรงงาน โครงสร้างหลังคาโกดังเก็บสินค้า

โครงหลังคาสำเร็จรูปชนิดโครงถักคอร์ดเอียงขนาน

โครงถักประเภทนี้ ขื่อจะเอียงขนานเป็นระนาบเดียวกันกับจันทัน และมีค้ำยันแนวดิ่งกับค้ำยันแนวแทยงเชื่อมต่อในขนาดและในระยะที่เท่า ๆ กันไปตลอดความยาวของขื่อ โดยสามารถแบ่งย่อยโครงถักคอร์ดเอียงขนานออกได้ 2 แบบ คือ

– ขนานตามแนวเอียง (Sloping Flat Truss)
จันทันกับขื่อจะวางขนานกันเป็นแนวเอียง โดยสโลปลงที่ส่วนปลายของจันทัน

– ขนานตามแนวราบ (Flat Truss)
จันทันกับขื่อจะวางขนานในแนวราบเป็นเส้นตรง

โครงหลังคาสำเร็จรูปชนิดโครงถักแบบเอียงต่างมุม (Dual Pitch)

โครงหลังคาสำเร็จรูปชนิดที่ใช้โครงถักแบบนี้ จันทันจะเอียงทำมุมต่างกัน โดยจันทันด้านหนึ่งจะมีความลาดเอียงมากว่า เช่น จันทันข้างหนึ่งเอียงทำมุม 45 องศา ส่วนอีกด้านเอียงทำมุม 30 หรือ 35 องศา และค้ำยันแนวดิ่งกับค้ำยันแนวแทยงก็จะมีขนาดที่แตกต่างกันออกไป เพื่อกระจายการรับน้ำหนักของโครงสร้างหลังคา โครงหลังคาสำเร็จรูปที่ใช้โครงถักประเภทนี้ เหมาะกับการนำไปใช้เป็นโครงหลังคาอาคารตึกแถว

โครงหลังคาสำเร็จรูปชนิดโครงถักแบบดัดโค้ง (Curved Truss)

จันทันและขื่อของโครงถักประเภทนี้ จะเป็นเหล็กดัดโค้งที่วางขนานกันไปตลอดช่วงความยาว และมีค้ำยันแนวดิ่งกับค้ำยันแนวแทยงวางเชื่อมในระยะที่เท่า ๆ กันไปตลอดทั้งแนวความยาวของขื่อและจันทัน โครงหลังคาสำเร็จรูปที่ใช้โครงถักประเภทนี้ เหมาะจะนำไปใช้ในงานโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงหลังคาโรงงานอุตสาหกรรม โครงหลังคาสนามกีฬา หรือโครงหลังคาสนามฟุตบอลในร่ม

การใช้โครงหลังคาสำเร็จรูปนั้น ถือว่าตอบโจทย์ความต้องการในเรื่องของการประหยัดงบประมาณและเวลา เพราะสามารถสั่งทำโครงหลังคาสำเร็จรูปจากโรงงานได้เลย ทำให้ไม่ต้องซื้อเหล็กรูปพรรณมาตัดเอง ซึ่งทำให้มีส่วนเหลือทิ้งจำนวนมาก และยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการเคลือบกันสนิม เพราะโครงหลังคาสำเร็จรูปนั้น ชิ้นส่วนทุกชิ้นจะเคลือบกัลวาไนซ์กันสนิมมาจากโรงงานเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้การที่โครงหลังคาสำเร็จรูปยึดชิ้นส่วนทั้งหมดด้วยสกรู จึงทำให้โครงหลังคามีความแข็งแรงมากกว่าโครงหลังคาเหล็กที่ใช้การเชื่อม ซึ่งอาจเกิดปัญหาการเชื่อมไม่สนิท หรือมีสนิมในบริเวณรอยเชื่อม

หากคุณกำลังก่อสร้างบ้านพัก อาคาร หรือโรงงานต่าง ๆ และกำลังมองหาโครงหลังคาสำเร็จรูปที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน โครงหลังคาสำเร็จรูป M-TRUSS ของธนาคูณอินเตอร์ ฯ ก็เป็นตัวเลือกที่คุณไม่ควรมองข้าม เพราะเราออกแบบและคำนวณโครงสร้างหลังคาตามหลักวิศวกรรมด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อให้ได้โครงหลังคาสําเร็จ รูป ที่มีความแข็งแรงทนทาน และเรายังผลิตชิ้นส่วนโครงสร้างหลังคาจากเหล็กกล้าคุณภาพมาตรฐาน มอก. ที่ทนต่อแรงดึงสูง และเคลือบด้วยกัลวาไนซ์กันสนิม พร้อมบริการขนย้ายและประกอบโครงสร้างหลังคาที่หน้างาน ซึ่งหากคิดคำนวณแล้ว โครงหลังคาสําเร็จรูป ราคาต่อตารางเมตร จะประหยัดกว่าโครงสร้างหลังคาเหล็ก และที่สำคัญ เรารับประกันคุณภาพโครงหลังคาสำเร็จรูปถึง 10 ปี คุณจึงสามารถมั่นใจได้ในคุณภาพของโครงหลังคาสำเร็จรูปของเรา

10 บทความล่าสุด